เทพเจ้าแห่งความเมตตา

ชีวประวัติหลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต วัดพระขาว ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา "เทพเจ้าแห่งความเมตตา" พระเกจิอยุธยาที่ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยานับถือกันอย่างมากมาย

ในปี พ.ศ.2456 ปีฉลู ชาวอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่างได้รับข่าวคราวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของพระเกจิอาจารย์ ผู้ซึ่งมีวิชาอาคมคาถาและพระเวทที่เก่งกาจมากในยุคสมัยนั้น ท่านสามารถใช้คาถาอาคมสะบัดผ้าไปทางที่ไฟกำลังลุกไหม้ให้ดับได้อย่างใจนึก ท่านผู้นั้นคือ "หลวงพ่อปั้นวัดพิกุล"

หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
หลวงปู่ทิมวัดพระขาว

 

ซึ่งท่านเป็นพระเกจิชั้นยอดในยุคสมัยนั้น แต่เมื่อเกิดย่อมมีดับสูญเป็นของธรรมดาในโลกไม่มีใครหลีกหนีได้ ในขณะที่ชาวอำเภอบางบาล ต่างเสียใจในการจากไปของหลวงพ่อปั้นวัดพิกุล ในที่แห่งหน ณ ตำบลเดียวกันนี้เอง ก็ได้กำเนิดเด็กผู้ชาย นามว่า "เด็กชายทิม ชุ่มโชคดี" ในวันอาทิตย์ ที่ 2 เดือนมีนาคม 2456 ปีฉลู ซึ่งเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้อง 6 คนของครอบครัวชุ่มโชคดี ซึ่งประกอบไปด้วย

คุณพ่อพร้อม กับคุณแม่กิ่ม ชุ่มโชคดี

1.คุณทอง ชุ่มโชคดี

2.คุณเทียบ ชุ่มโชคดี

3.ผู้ใหญ่ทัศน์ ชุ่มโชคดี

4.คุณทอด ชุ่มโชคดี

5.หลวงปู่ทิม ชุ่มโชคดี

6.คุณสังวาล ชุ่มโชคดี

เมื่อยังเด็ก หลวงปู่ทิม ได้รับการศึกษาจากพระที่วัดพิกุล เนื่องจากพื้นเพของครอบครัวท่านเป็นชาวนา ภายหลังจากจบ ประถม 4 ท่านจึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา เมื่อท่านครบอายุเกณฑ์ทหาร ท่านก็ถูกเกณฑ์ไปโดยไม่ต้องคัดเลือก ภายหลังจากปลดราชการทหาร ท่านจึงได้เข้าสู่รมกาสาวพัสตร์ เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2478 อุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา 1 พรรษา ก็ลาสิกขา เพื่อมาช่วยบิดามารดาทำนาเป็นการตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวง แต่เมื่อย่างเข้าวัยเบญจเพส ทางครอบครัวก็ให้ท่านได้ครองเรือนเพื่อจะได้มีความรับผิดชอบเป็นผู้ใหญ่เสียที แต่เมื่อปี 2484 หลวงปู่ทิมได้ถูกระดมพลไปทำศึกสงครามยังประเทศเขมร ซึ่งทางรัฐบาลไทยต้องการดินแดน เมืองปอยเปรส,ศรีโสภณ,เสียมราษฎร์ และพระตะบอง ซึ่งเป็นดินแดนของไทย แต่ต้องถูกประเทศฝรั่งเศสยึดครอง ซึ่งในการไปทำศึกสงครามครั้งนี้ถึงขั้นปะทะข้างศึกแบบประจัญบาน แต่ด้วยบุญบารมีหลวงปู่ ก็รอดปลอดภัยกลับมา

หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
โบสถ์วัดพระขาว

ครั้งกลับมาอยู่อยุธยาได้ไม่นานก็ถูกเรียกระดมพลกลับเข้าประจำการอีกครั้ง ใน "สงครามโลกครั้งที่ 2" ภายหลังจากเสร็จศึกสงครามหลวงปู่ท่านได้กลับมาอยู่อยุธยากลับครอบครัว ชั่วระยะเวลาไม่กี่ปีท่านก็เกิดรู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก ซึ่งในช่วงเวลานั้นในตำบลพระขาวและละแวกใกล้เคียงได้เกิดโรคห่า ระบาดอย่างหนักผู้คนล้มป่วยเจ็บตายกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงปู่ก็ได้เจ็บป่วยด้วยโรคนี้ด้วยเช่นกัน ภายหลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หลวงปู่ได้อธิษฐานจิต ต่อ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" ว่า "อย่าเพิ่งหมดอายุเลย ตัวของข้าพเจ้านี้ยังปฏิบัติมาในบวรพระพุทธศาสนาน้อยนักให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสช่วยต่อพระพุทธศาสนาอีกสักหน่อยเถิดค่อยตายจะไม่ว่ากะไรเลย" ด้วยแรงอธิษฐานในครั้งนั้น โรคห่าก็ได้บรรเทาและก็หายไปอย่างปาฏิหาริย์ ภายหลังจากนั้นท่านก็ตั้งมั่นที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
ท่าน้ำวัดพระขาว

จนวันที่ 10 เมษายน 2491 ท่านจึงได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง โดยมี หลวงพ่อพระครูอุดมสมาจาร (หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า) เป็นองค์อุปัชฌาย์ ภายหลังจากบวชเรียนและจำพรรษาอยู่ที่วัดพิกุล หลวงปู่ได้ใช้เวลาปฏิบัติอย่างจริงจังสามารถท่องนวโกวาทได้ทั้งเล่ม และมีความรู้ในด้านพระวินัยและพระธรรมอย่างดีเลิศ และท่านยังฝึกกรรมฐานกับศพ ด้วยการพิจารณาทุกคืนโดยจุดเทียนไขไว้บนโลงศพ หลวงปู่จำพรรษาอยู่ที่วัดพิกุล 1 พรรษา และได้มาจำวัดอยู่ที่วัดพระขาว เมื่อปี พ.ศ.2492 ซึ่งในสมัยนั้นวัดพระขาวยังเป็นวัดเล็กๆอยู่กลางป่ารกทึบ มีกุฏิร้างหลังเล็กๆ อยู่กลางป่า ซึ่งเหมาะกับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างมาก ซึ่งหลวงปู่ก็ได้จำวัดอยู่ที่กุฏิร้างหลังนั้นโดยสภาพกุฏิเก่าๆหลังคาผุๆพังๆ โดยท่านเอาเสื่อเก่าของสมภารเก่ามาปูนอน ในระหว่างจำพรรษาอยู่กุฏิกลางป่า ท่านก็ได้นั่งเจริญกรรมฐานอย่างจริงจัง ด้วยการปฏิบัติของหลวงปู่เป็นที่เลื่อมใส จนทำให้ชาวบ้านวัดสีคต (วัดสันติการาม) ต่างพากันมาขอร้องนิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสเนื่องจากที่วัดขาดสมภาร แต่หลวงปู่ก็ได้ปฏิเสธและไม่ยินดีต่อตำแหน่งหรือสมณศักดิ์นั้น จนชาวบ้านต้องไปร้องขอต่อหลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า ซึ่งเป็นอุปฌาย์ของหลวงปู่ ให้มาพูดกับหลวงปู่ จนหลวงปู่ยินยอม

หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
ปลาท่าน้ำวัดพระขาว

หลวงปู่ได้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดสีคต 3 พรรษา ต่อมาในปี พ.ศ.2498 หลวงปู่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งสมภาร ณ วัดพระขาว อ.บางบาล เนื่องจากวัดพระขาวนั้นขาดสมภาร ชาวบ้านแห่งวัดพระขาวทราบถึงคุณงามความดีของหลวงปู่จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงปู่กลับมาเป็นสมภารที่วัดพระขาว นับแต่นั้นมา

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็ต้องพบเจอ หลวงปู่ก็เช่นเดียวกันไม่สามารถหลีกหนีสัจธรรมแห่งชีวิตนี้ได้ ในเช้าวันที่ 22 มีนาคม 2552 เวลา 11.55 น. หลวงปู่ทิม ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ขณะอายุ 96 ปี พรรษา 61 ซึ่งนำพาความเศร้าโศกเสียใจให้กับลูกศิษย์และประชาชนชาวพุทธเป็นจำนวนมาก

หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
มณฑปลายรดน้ำหลวงปู่ทิมวัดพระขาว

วัตถุมงคล หลวงปู่ทิมวัดพระขาว “วัตถุมงคลของหลวงปู่ส่วนมาก จะลงให้ในทางเมตตาและแคล้วคลาดเป็นสำคัญ จะได้ไม่เจ็บตัว ถ้าถึงคราวคับขันก็ใช้ได้ในทางคงกระพัน” หลวงปู่ได้กล่าวไว้ ซึ่งวัตถุมงคล ของหลวงปู่ทิมวัดพระขาวนั้น ได้สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2504-2552 สามารถหาชมได้จากหนังสือ ชีวประวัติและวัตถุมงคล หลวงปู่ทิม เทพเจ้าแห่งความเมตตา “ฉบับสมบูรณ์” ที่ทางวัดพระขาวได้จัดสร้างขึ้นในวาระครบ 8รอบ หลวงปู่ทิมวัดพระขาว