ทำไม? หลวงปู่ยิ้มไม่ยอมใช้เงินแม้แต่แดงเดียว!

ตำนานพระงบน้ำอ้อยเนื้อดิน แห่งกรุงศรีอยุธยานั้น ต้องยกให้กับ หลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ด (พระครูพรหมวิหารคุณ) ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอยุธยาศิษย์พระอาจารย์จีนวัดเจ้าเจ็ดรุ่นเดียวกันกับ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค และหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอก

หลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ด ท่านได้สร้างพระงบน้ำอ้อยเนื้อดิน จนเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ซึ่งพระลักษณะพิมพ์งบน้ำอ้อยนี้หลายท่านคงต้องนึกถึง หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณบุรี ซึ่งท่านก็เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน ท่านก็สร้างไว้เช่นกันแต่เป็นเนื้อชินและหายากมากๆ

มีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงหลายคนมักกล่าวว่า หลวงปู่ยิ้มนั้น ท่านรับปัจจัยจากญาติโยมที่มาถวายท่าน แต่ก็ไม่เคยได้นำปัจจัยเหล่านั้นไปใช้ทำนุบำรุงวัดวาอารามเลย ไม่เคยนำมาใช้จ่ายใดๆ เก็บไว้อย่างเดียว และกล่าวอย่างไม่รู้อีก ด้วยว่าท่านเป็นพระสะสมทรัพย์ ไม่เหมือนกันกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ซึ่งหลวงพ่อปานท่านนั้นได้นำเงินปัจจัยที่ญาติโยมถวายเหล่านั้นไปสร้างถาวรวัตถุเป็นประโยชน์มากมายแก่สังคมและพระพุทธศาสนาเหลือคณานับ

หลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ด
หลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ด

 

หลวงพ่อปานนั้น ท่านได้เคยกล่าวถึงหลวงปู่ยิ้มวัดเจ้าเจ็ด กับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำไว้ว่า

"ท่านยิ้มนั้นนะใครจะว่าเป็นพระขี้เหนียวก็ช่างเขาเถอะ แต่ว่าข้างในดี" ท่านว่าอย่างนั้น "เงินปัจจัยที่ญาติโยมถวายท่าน ท่านก็รับไว้ แต่ว่าไม่ทันจะได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ท่านก็ส่งเข้าที่ ไอ้ที่ว่าเข้าที่นี่ไม่ใช่ธนาคารนะ แต่เป็นหีบเหล็กเก่าในกุฏิท่าน เก็บไว้อย่างดี" แล้วหลวงพ่อปานท่านก็กล่าวอีกว่า "พวกท่านดูคนอย่าดูแต่เปลือกนะ ต้องดูเข้าไปถึงในจิตใจด้วย ไปดูเสียเถิดว่า ท่านยิ้มนั้นเคยเอ่ยปากเรี่ยไรใครบ้างไหม? ท่านยิ้มเคยบอกบุญใครบ้างไหม? ท่านยิ้มไม่เคยจะไปรบกวนญาติโยมคนไหนให้เดือดร้อน ท่านยิ้มก็ไม่เคยมีประวัตินำเงินไปใช้ให้กู้ยืม ซื้อไร่ซื้อนา หาดอกออกผลนั้นไม่มี แต่ใครจะไปขอยืมเงินท่านไม่ได้เลยแม้แต่แดงเดียว ท่านยิ้มนั้น ก็จะกล่าวบอกไปว่า" "เงินทองทั้งหลายเหล่านั้นที่เขาให้ฉัน เพราะเขาเห็นฉันเป็นพระ และฉันก็ปฏิเสธความศรัทธาของญาติโยมไม่ได้ แล้วพวกแกจะมากู้ฉันก็ไม่ได้ ฉันจะนำไปใช้ก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านทรงห้าม"

จวบจนหลวงปู่ยิ้มท่านมรณะภาพไป หีบเหล็กใบนั้นจึงได้ถูกเปิดออกมาถึงได้เห็นว่าเงินทองที่ญาติโยมถวายท่านนั้น ท่านไม่เคยได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัวใดๆ เลย หลวงปู่ยิ้มท่านได้ตัดแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวง ไม่ได้เห็นเงินทองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสงฆ์ นอกเสียจากทานอาหารที่ญาติโยมทำบุญถวายใส่บาตรตอนเช้าเท่านั้น และท่านก็ประพฤติปฏิบัติบำเพ็ญเพียรภาวนาตามหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันพระสงฆ์พึงปฏิบัติตลอดมา โดยเงินทั้งหมดที่อยู่นั้นก็ได้ตกเป็นของวัดเจ้าเจ็ดใช้จ่ายทำนุบำรุงวัดสืบมา

หมวด: บทความ พระเกจิ
ฮิต: 69