หลวงพ่อปานเรียกฝนแต่ทำไมกลับเป็นแบบนี้!

ในช่วงเวลาที่หลวงพ่อปานได้ร่ำเรียนวิชาอยู่กลับหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ สุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งอยุธยา ซึ่งนับได้ว่าหลวงพ่อปานได้วิชาความรู้ที่ถ่ายทอดจากหลวงพ่อสุ่นจนหมด และสามารถนำไปใช้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย แต่ก่อนที่ท่านจะเก่งได้ ก็ต้องร่ำเรียนฝึกฝนกับหลวงพ่อสุ่นพระอาจารย์อย่างหนัก

หลวงพ่อปาน
หลวงพ่อสุ่นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากชาวบ้านวัดบางปลาหมอว่า ในขณะที่หลวงพ่อปานร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อสุ่นนั้น

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสุ่นท่านได้ถามหลวงพ่อปานว่า ลูกอยากเห็นฝนตกไหม และอยากเห็นน้ำเกิดในแผ่นดินไหม

หลวงพ่อปานท่านจึงบอกว่า อยากเห็นท่านทั้งสองจึงเดินไปยังป่าช้าอันเงียบสงบ หลวงพ่อสุ่นพระอาจารย์ จึงบอกว่า ที่ตรงนี้มันแห้งนะ เดี่ยวพ่อจะเสกให้มีน้ำพอหลวงพ่อสุ่นกำหนดจิตและชี้นิ้วไปเพียงเท่านั้น

น้ำก็เอ่อท่วมขึ้นมาตรงบริเวณที่ชี้นิ้วไปทันที นอกจากนั้นแล้ว หลวงพ่อสุ่นท่านบอกว่า เดี๋ยวพ่อจะให้ฝนตก ในบริเวณที่หลวงพ่อกำหนด กว้างสัก วา ยาวสัก วา

เมื่อหลวงพ่อสุ่นกำหนดจิตแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ฝนก็ตกลงมาบริเวณที่กำหนดไว้ตามขนาดที่หลวงพ่อสุ่นกำหนด คือ กว้าง วา ยาว วา หลังจากนั้นท่านก็สั่งให้ฝนหยุดได้ดังใจปรารถนา

หลวงพ่อสุ่นท่านกล่าวว่านี่เป็นวิชาที่สามารถกำหนดสภาพดินฟ้าอากาศได้ แล้วจึงให้หลวงพ่อปานกำหนดจิตตามที่ได้ร่ำเรียนมา

แต่ท่านก็สั่งไว้ว่าให้ฝนตกเฉพาะบริเวณป่าช้านี้เท่านั้น อย่าไปทำให้ ชาวไร่ชาวนาบริเวณใกล้เคียงนี้เดือดร้อนเป็นอันขาด

หลวงพ่อปานจึงได้เข้านั่งสมาธิกำหนดจิตอธิฐาน ให้ฝนตกในบริเวณป่าช้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ปรากฏว่าฝนตกเม็ดใหญ่ลงมาอย่างหนัก

หลวงพ่อปานท่านจึงเปียกไปหมดทั้งตัว แต่ท่านก็นั่งภาวนาไม่ลุกหนีไปไหน ต้องนั่งกำหนดสมาธิอยู่อย่างที่ตั้งไว้ เปียกคือเปียก จนกว่าฝนจะหยุดตามเวลาเพื่อเป็นการพิสูจน์กัน

เมื่อครั้นผ่านไป 1ชั่วโมง ฝนหยุดตกแล้ว ผลปรากฏว่าหลวงพ่อปานเปียกไปหมดทั้งตัว

แต่หลวงพ่อสุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นไม่เปียกเลยแม้แต่นิดเดียว

หลวงพ่อปานจึงถามหลวงพ่อสุ่นว่า "ทำไมพระอาจารย์ไม่เปียกหละครับ ทำไมกระผมเปียก"

หลวงพ่อสุ่นจึงตอกกลับหลวงพ่อปานไปว่า "ก็ลูกสั่งให้ฝนตกลงมาได้ แต่ลูกยังไม่รู้จักที่จะป้องกันไม่ให้ฝนเปียกตัวได้นี่ วิชาอย่างนี้เจ้ายังไม่มี เขาเรียก วาโยกสิณ เวลาฝนตกหลวงพ่อก็กำหนดให้ลมพัดรอบๆ ตัวไม่ให้น้ำฝนถูกตัวหลวงพ่อ ในระยะประมาณ ศอก ก็เท่านั้น"

วิชา วาโยกสิณนี้มีความสำคัญมาก หากเราเป็นหมอ จะต้องเจอกับคนไข้ที่เจ็บป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องหามกันมา ซึ่งเป็นกรรมและความทุกข์ยากของแต่ละบุคคล

หากเราต้องรักษาในสภาพแบบนั้นก็ลำบาก ถ้าเราใช้ วาโยกสิณ เข้าช่วยจะทำให้คนไข้ สามารถใช้กำลังน้อยมีเรียวแรกที่จะประคองตัวเองลุกเดินช่วยเหลือตนเองได้สะดวก

หลวงพ่อปานชอบใจมาก เพราะวิชาวาโยกสิณนั้น สามารถทำให้ตัวเองเบาลอยไปไหนก็ได้ เหาะไปไหนก็ได้ จะไปอย่างช้า หรืออย่างเร็วก็ได้