ทำไมปี ค.ศ. บนยีนส์ LVC จึงสำคัญ?
สำหรับนักสะสมยีนส์วินเทจตัวจริง คงไม่มีใครไม่รู้จัก Levi's Vintage Clothing (LVC) แบรนด์ย่อยที่ Levi Strauss & Co. ตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตยีนส์รุ่นวินเทจในแบบฉบับดั้งเดิมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา LVC ได้สร้างสรรค์ยีนส์ 501 ขึ้นมาหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีเลขปี ค.ศ. กำกับอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา ๆ แต่คือการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์อันสำคัญของการพัฒนายีนส์ 501 แต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของกางเกงยีนส์ที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมอเมริกันได้อย่างน่าสนใจ
ยุคบุกเบิกและจุดเริ่มต้น (ปลายศตวรรษที่ 19 - ต้นศตวรรษที่ 20)
-
LVC 1873: นี่คือจุดกำเนิดของกางเกงยีนส์เดนิมตัวแรกของโลกที่ใช้ผ้าเดนิมย้อมสีครามและตอกหมุดโลหะตามมุมกระเป๋าเพื่อเสริมความทนทาน เป็นการปฏิวัติเครื่องแต่งกายสำหรับคนงานในยุคนั้น
-
LVC 1886: ปีนี้คือครั้งแรกที่ยีนส์ของลีวายส์เริ่มใช้ โลโก้ม้าคู่ บนป้ายหนังด้านหลัง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงทนทานของกางเกง และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน
-
LVC 1890: ปีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่ยีนส์รุ่นนี้ถูกกำหนดให้มี ตัวเลขล็อต 501 เพื่อแยกแยะออกจากรุ่นอื่น ๆ ของบริษัท
-
LVC 1901: หลังจากที่ยีนส์มีกระเป๋าหลังเพียงข้างเดียวมานาน ปีนี้ก็ได้มีการเพิ่มกระเป๋าหลังอีกข้าง ทำให้ยีนส์ 501 มีกระเป๋าครบสองข้างเหมือนที่คุ้นเคยในปัจจุบัน
-
LVC 1915: ปีแห่งความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Levi's กับโรงทอผ้า Cone Mills ซึ่งเป็นผู้ผลิตผ้าเดนิมคุณภาพสูงให้กับลีวายส์มายาวนานหลายทศวรรษ
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว (ค.ศ. 1930 - 1940)
-
LVC 1933: เป็นรุ่นสุดท้ายที่มี กระดุมสำหรับใส่สายเอี๊ยม (suspender buttons) และยังคงใช้ เป็กหลังแบบโผล่ (exposed rivets) ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้การเย็บแบบซ่อนเป็กในรุ่นถัดมา
-
LVC 1937: นี่คือปีที่ Red Tab หรือป้ายแดงเล็ก ๆ ที่กระเป๋าหลังขวาถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ และยังเป็นรุ่นสุดท้ายที่มี เข็มขัดเบลหลัง (cinch back belt)
-
LVC 1944: รุ่นนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว เพราะถูกผลิตขึ้นในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง เช่น การวาดลายโค้งบนกระเป๋าหลังแทนการเย็บจริงเพื่อประหยัดเส้นด้าย หรือการเปลี่ยนมาใช้กระดุมแบบต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของบริษัทในสถานการณ์สงคราม
ยุคทองของยีนส์ (หลังสงครามโลก - ค.ศ. 1970)
-
LVC 1947: หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักสะสม ถือเป็นรุ่นที่กลับมาผลิตแบบเต็มรูปแบบหลังสงคราม และเป็นครั้งแรกที่ใช้การเย็บโค้งปีกนกบนกระเป๋าหลังแบบมีจุดตัดเพชร
-
LVC 1954: รุ่นนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเป็น ยีนส์ 501 รุ่นแรกที่ใช้ซิปแทนเป้ากระดุม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เริ่มมองหาความสะดวกสบายมากขึ้น
-
LVC 1955: รุ่นนี้เปลี่ยนจากป้ายหนังที่คุ้นเคย มาใช้ ป้ายกระดาษปะเก็น ที่มีลักษณะเฉพาะตัว และเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม
-
LVC 1966: ในรุ่นนี้ Levi's ได้เลิกใช้เป็กโลหะที่มุมกระเป๋าหลัง แต่เปลี่ยนมาใช้ การเย็บแซ็กสีดำ แทน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ช่วยให้กระเป๋าหลังดูเรียบง่ายขึ้นและเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากรุ่นเก่า
-
LVC 1976: รุ่นสุดท้ายที่ใช้ ผ้าซึ่งปั่นด้ายแบบฟั่นเกลียว (ring spun) หรือที่เรียกกันว่าผ้าด้าน ทำให้มีเนื้อสัมผัสและสีที่แตกต่างจากรุ่นใหม่ ๆ และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้การเย็บขอบกระเป๋าหลังแบบด้ายเดี่ยว
ยุคสุดท้ายของตำนานผ้าทอริมแดง
-
LVC 1984: รุ่นนี้ถือเป็น LVC รุ่นสุดท้ายที่ใช้ผ้าริมในการตัดเย็บ ก่อนที่เทคโนโลยีการผลิตจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องทอแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้รุ่นนี้มีเนื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคผ้าทอริมแดงของยีนส์ 501
จะเห็นได้ว่าการเดินทางของยีนส์ 501 LVC แต่ละโมเดลปี คือการบอกเล่าเรื่องราวการวิวัฒนาการของกางเกงยีนส์ตัวหนึ่ง ที่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนดีไซน์และรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของยุคสมัยนั้น ๆ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการได้เป็นเจ้าของยีนส์ LVC แต่ละรุ่นจึงไม่เหมือนกับการซื้อกางเกงยีนส์ธรรมดา ๆ แต่คือการได้เป็นเจ้าของชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้นั่นเอง